Thermal Imager หรือ กล้องถ่ายภาพความร้อน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจจับและแสดงภาพของความร้อนหรือรังสีอินฟราเรดที่ปล่อยออกมาจากวัตถุ โดยไม่จำเป็นต้องมีแสงสว่างเหมือนกับกล้องถ่ายภาพแบบปกติ ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นวัตถุหรือพื้นที่ในที่มืดสนิทหรือในสภาพแวดล้อมที่มีหมอกหรือควันได้
-
การตรวจจับรังสีอินฟราเรด
- ทุกวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงกว่า -273.15 องศาเซลเซียส (ศูนย์สัมบูรณ์ หรือ 0 เคลวิน) จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา ซึ่งเป็นพลังงานความร้อนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- Thermal Imager มีเซนเซอร์อินฟราเรด (Infrared Sensor) ที่สามารถตรวจจับรังสีอินฟราเรดเหล่านี้ได้
-
การแปลงสัญญาณรังสีอินฟราเรดเป็นภาพ
- รังสีอินฟราเรดที่ตรวจจับได้จะถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าด้วยเซนเซอร์ที่ไวต่อความร้อน (เช่น Microbolometer)
- จากนั้นสัญญาณไฟฟ้าจะถูกประมวลผลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสร้างภาพความร้อน (Thermal Image)
-
การแสดงผลภาพความร้อน
- ภาพความร้อนจะแสดงออกมาในรูปแบบของสีที่แตกต่างกัน (เช่น สีแดง, เหลือง, น้ำเงิน) ซึ่งแต่ละสีจะบ่งบอกถึงระดับความร้อนของพื้นที่หรือวัตถุ
- โดยทั่วไป สีแดงหรือเหลืองมักแสดงถึงพื้นที่ที่ร้อน ส่วนสีน้ำเงินหรือเขียวมักแสดงถึงพื้นที่ที่เย็นกว่า
-
งานด้านความปลอดภัยและทหาร
- ตรวจจับผู้บุกรุกในที่มืดหรือพื้นที่มีควัน
- ใช้ในภารกิจค้นหาและกู้ภัย (Search and Rescue)
-
งานอุตสาหกรรม
- ตรวจสอบความร้อนในเครื่องจักรหรือระบบไฟฟ้าเพื่อตรวจหาความผิดปกติ
- ตรวจสอบฉนวนกันความร้อนในอาคาร
-
งานทางการแพทย์
- ใช้วินิจฉัยปัญหาสุขภาพ เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิของผิวหนังที่ผิดปกติ
-
งานด้านสิ่งแวดล้อมและวิทยาศาสตร์
- ตรวจสอบการรั่วไหลของความร้อน
- ศึกษาสัตว์ในเวลากลางคืน
ข้อดีของ Thermal Imager
- ไม่ต้องพึ่งแสงในการทำงาน
- ตรวจจับความร้อนจากระยะไกลได้
- ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อยหรือมีหมอก/ควันได้ดี
ข้อจำกัด
- ความละเอียดของภาพต่ำกว่ากล้องแบบปกติ
- มีราคาค่อนข้างสูง
- ไม่สามารถระบุชนิดของวัตถุได้อย่างแม่นยำ (เพราะแสดงผลเป็นอุณหภูมิ)
Thermal Imager เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะงานที่ต้องการตรวจจับความร้อนหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ยากต่อการมองเห็นด้วยสายตา