Electromagnetic Flow Meter (EMF) เป็นอุปกรณ์วัดการไหลของของเหลวที่ใช้หลักการทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Faraday's Law of Electromagnetic Induction) เพื่อวัดความเร็วของของเหลวในท่อและคำนวณปริมาตรการไหลต่อหน่วยเวลา เช่น ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m³/h) หรือลิตรต่อวินาที (L/s)
หลักการทำงาน
-
Faraday's Law:
- เมื่อนำของเหลวที่นำไฟฟ้าไหลผ่านสนามแม่เหล็กที่สร้างขึ้นภายในเครื่องวัด จะเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า (Electromotive Force, EMF) ที่แปรผันตามความเร็วการไหลของของเหลว
- แรงเคลื่อนไฟฟ้านี้สามารถคำนวณได้จากสมการ:E=k⋅B⋅v⋅D โดยที่:
- E: แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดขึ้น (Volt)
- k: ค่าคงที่
- B: ความเข้มของสนามแม่เหล็ก (Tesla)
- v: ความเร็วการไหลของของเหลว (m/s)
- D: เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (m)
-
การวัดและแปลงสัญญาณ:
- อิเล็กโทรดที่ติดตั้งในท่อจะตรวจจับแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
- สัญญาณไฟฟ้าที่ได้จะถูกแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัลเพื่อนำไปคำนวณอัตราการไหล
การติดตั้ง
การติดตั้ง Electromagnetic Flow Meter ต้องพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้เพื่อให้การวัดมีความแม่นยำ:
-
เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม:
- ติดตั้งในบริเวณที่ของเหลวมีการไหลอย่างสม่ำเสมอ (Turbulence น้อย)
- ควรมีระยะท่อตรงก่อนและหลังเครื่องวัดเพื่อปรับปรุงความเสถียรของการไหล:
- ก่อนหน้า: อย่างน้อย 5 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ (5D)
- หลังจาก: อย่างน้อย 2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ (2D)
-
ลักษณะของท่อ:
- ท่อควรเต็มไปด้วยของเหลวตลอดเวลา
- วัสดุท่อและซับใน (Liner) ของ Flow Meter ควรทนต่อการกัดกร่อนและเข้ากันได้กับของเหลวที่วัด
-
การติดตั้งแนวตั้งและแนวนอน:
- แนวตั้ง: แนะนำในกรณีที่ของเหลวมีส่วนผสมของของแข็งหรือก๊าซ เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อิเล็กโทรด
- แนวนอน: อิเล็กโทรดควรอยู่ในแนวระดับเพื่อลดผลกระทบจากการสะสมของตะกอน
-
การต่อสายดิน:
- ต้องต่อสายดินให้เหมาะสมเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก
-
การบำรุงรักษา:
- ตรวจสอบอิเล็กโทรดและภายในท่อเป็นระยะ เพื่อป้องกันคราบสกปรกหรือสิ่งอุดตันที่อาจลดความแม่นยำ
- ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ทำให้ทนทานและบำรุงรักษาง่าย
- วัดการไหลได้ทั้งของเหลวที่มีความหนืดต่ำและสูง
- ไม่สร้างแรงดันตก (Pressure Drop) ในระบบ
ข้อจำกัด
- ใช้ได้เฉพาะของเหลวที่นำไฟฟ้า
- ไม่เหมาะกับของเหลวที่มีอุณหภูมิหรือแรงดันสูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด